เบทาโกร ปิดเทรดวันแรกต่ำจอง 3.75 บ.

เบทาโกร ปิดเทรดวันแรกต่ำจอง 3.75 บ.

เบทาโกร ปิดเทรดวันแรกต่ำกว่าราคาจอง 3.75 บาท หรือ 9.38 % จากราคาไอพีโอที่กำหนดไว้หุ้นละ 40.00 บาท เตรียมนำเงินไปใช้ลงทุนขยายงานและชำระคืนหนี้สิน โบรกฯ ประเมินราคาเป้าหมาย 63 บาท

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาช) หรือ BTG เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรก เมื่อเปิดตลาดราคาอยู่ที่ 38.25 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือลดลง 4.38% จากราคาไอพีโอที่กำหนดไว้หุ้นละ 40.00 บาท เมื่อตลาดปิดราคาหุ้นอยู่ที่ 36.25 บาท ลดลง 3.75 บาท หรือ 9.38 % มูลค่าซื้อขาย 8,717.08 ล้านบาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 39.75 บาท ต่ำสุดที่ 36.25 บาท

โดย BTG เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป 434.8 ล้านหุ้น และจัดสรรหุ้นส่วนเกิน 65.2 ล้านหุ้น มีกำหนดจองซื้อระหว่างวันที่ 10 – 17 ตุลาคม 2565 ในราคาหุ้นละ 40 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 17,392 ล้านบาท (ไม่รวมหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ 77,392 ล้านบาท

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน BTG จะนำไปลงทุนเว็บหวยออนไลน์ เชื่อถือได้เพื่อการเข้าซื้อ และ/หรือก่อสร้างฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ประมาณ 8,000 ล้านบาท รวมถึงการปรับโครงสร้างเงินทุนผ่านการชำระหนี้สินระยะสั้นและ/หรือระยะยาวให้แก่สถาบันการเงินประมาณ 8,960 – 10,500 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานไม่เกิน 1,021 ล้านบาท

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ BTG เผยว่า BTG เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ด้วยมูลค่าเสนอขายรวม 20,000 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ที่ราคาเสนอขาย 40.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งได้รับความสนใจและกระแสตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศไทย ท่ามกลางสภาวการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนที่มีความผันผวนสูง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงศักยภาพในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนของเบทาโกรในฐานะบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล (World-Class Branded Food Company) ที่มีความแตกต่างและโดดเด่นจากบริษัทจดทะเบียนรายอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ด้วยโมเดลธุรกิจแบบครบวงจรตั้งแต่ ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

บล.ทรีนีตี้ ประเมินมูลค่าพื้นฐานสำหรับปี 2566 ของบมจ.เบทาโกร (BTG) ที่ 126,284 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นราคาเป้าหมายที่ 63 บาท โดยใช้ค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปี -0.5SD ของ CPF TFG และ GFPT ซึ่งเป็นธุรกิจใกล้เคียงกันที่ 14.1 เท่า ทั้งนี้สาเหตุที่เราใช้ค่าเฉลี่ย PER -0.5SD เนื่องจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีปี 2564 ที่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารได้รับผลกระทบจากราคาสัตว์บกที่อ่อนตัวลงอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลจากการบริโภคที่ลดลงภายใต้สถานการณ์ COVID-19 และผลจากภาวะอุปทานส่วนเกินชั่วคราวจากการระบาดของ ASF ในสุกร (การระบาดทำให้ผู้เลี้ยงรายย่อยต่างเทขายสุกรเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนจากการเสียหายทั้งฟาร์ม) ส่งผลให้ในปี 2564 ที่ผ่านมากำไรของธุรกิจในกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารตกต่ำผิดปกติ และระดับ PER สูงผิดปกติ

คาดกำไรปี 65 ที่ 8,370 ล้านบาท เติบโต 728%YoY จากปัจจัยหนุนด้านราคาสัตว์บกทั้งสุกรขุนและไก่เนื้อที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลบวกต่อทั้งรายได้และอัตรากำไร แม้ว่าในส่วนของต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ ข้าวโพด และกากถั่วเหลืองจะปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันก็ตาม แต่ยังมีน้ำหนักน้อยกว่าราคาสัตว์บกที่ปรับตัวขึ้น โดยราคาสุกรได้รับผลบวกจากอุปทานจากการเลี้ยงสุกรที่ลดลงหลังการระบาดของ ASF ขณะที่ราคาไก่ได้รับผลบวกจากการเปิดตลาดส่งออกใหม่ในหลายประเทศ